About Us

สถาบันที่จะช่วยเติมเต็มความงามให้คุณโดยรวบรวมสุดยอดเทคนิคและเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานสูงสุดเพื่อคิ้ว ดวงตา และจุดบกพร่องของสีผิว

ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิด (CCTV)
(Privacy Notice for CCTV)



เอสแอลซีกรุ๊ป (“บริษัท”) เคารพและให้ความสำคัญในสิทธิความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดของบริษัท (“ท่าน”) โดยบริษัทมีความจำเป็นต้องทำการเก็บรวบรวมใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บันทึกจากกล้องวงจรปิด (“CCTV”) ซึ่งเป็นระบบและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยของบริษัทและ ติดตั้งอยู่ในและบริเวณโดยรอบของอาคาร สถานที่ และ/หรือพื้นที่ใดๆ ของบริษัท เพื่อการตรวจสอบ การสังเกตการณ์ และเพื่อการอื่นใดตามที่จะกล่าวต่อไป

บริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัท และมุ่งมั่นที่จะจัดการข้อมูลดังกล่าวด้วยวิธีการที่มั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ในการนี้ บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิดฉบับนี้ขึ้นเพื่อชี้แจงรายละเอียดและวิธีการจัดการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทบันทึกจาก CCTV รวมถึงชี้แจงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และส่งต่อ ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้


ข้อ 1. คำนิยาม

คำศัพท์ ความหมาย
บริษัท เอสแอลซีกรุ๊ป ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทที่มีรายชื่อปรากฏตามเอกสารแนบท้ายนี้
ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนดเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บุคคลธรรมดาที่สามารถระบุตัวตนได้จากข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บุคลากรของบริษัท ผู้สมัครงาน บุคคลในครอบครัว/บุคคลอ้างอิง/ผู้ติดต่อฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของบริษัทหรือผู้สมัครงาน ลูกค้า ผู้ใช้บริการ คู่ค้า ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของบริษัท ผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ ผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนคนไร้ความสามารถ ผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การดำเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต
การจัดทำข้อมูลนิรนาม กระบวนการที่ทำให้ความเสี่ยงในการระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลนั้นเหลือน้อยมากจนแทบไม่ต้องบริหารจัดการความเสี่ยง (Negligible Risk)

ข้อ 2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

บริษัทมีการดำเนินการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ พื้นที่ภายใน และบริเวณโดยรอบของบริษัท เช่น บริเวณอาคาร รอบอาคาร สำนักงาน สถานที่ คลังสินค้า สถานที่จำหน่ายสินค้า ของบริษัท เพื่อการปกป้องชีวิต สุขภาพ ร่างกายและทรัพย์สิน เว้นแต่ในกรณีที่ระบบขัดข้องหรือมีการซ่อมบำรุงระบบ โดยจะจัดวางป้ายเตือนว่ามีการใช้งานกล้องวงจรปิด รวมถึงพื้นที่ที่บริษัทเห็นสมควรว่าเป็นจุดที่ต้องมีการเฝ้าระวัง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้

  • 2.1 ภาพนิ่ง
  • 2.2 ภาพเคลื่อนไหว (ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้บันทึกเสียงไว้)
  • 2.3 คุณลักษณะของบุคคล เช่น รูปร่าง ส่วนสูง ลักษณะรูปพรรณสัณฐาน เป็นต้น
  • 2.4 ภาพทรัพย์สินของบุคคล เช่น พาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย เป็นต้น
  • 2.5 พฤติกรรมของบุคคล รวมถึงกิจกรรมที่ผิดปกติหรือต้องสงสัย
  • 2.6 อุณหภูมิร่างกายผ่านเครื่องตรวจจับอุณหภูมิ (Thermal Scan)
  • 2.7 ยานพาหนะ เมื่อเข้าไปในและ/หรือบริเวณโดยรอบของอาคาร สถานที่ และ/หรือพื้นที่ใดๆ ของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทจะไม่ติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่อาจล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านจนเกินสมควร เช่น ห้องสุขา ห้องอาบน้ำ ห้องตรวจแพทย์ ห้องหัตถการ ห้องพักผู้รับบริการ ห้องทำงานส่วนตัว ห้องผ่าตัด พื้นที่สำหรับให้บริการบางพื้นที่ เป็นต้น


ข้อ 3. วัตถุประสงค์และฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย โดยสามารถจำแนกตามแต่ละฐานการประมวลผล ดังต่อไปนี้

  • 3.1 เพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น รวมถึงเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรืออันตราย
  • 3.2 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือบุคคลอื่น
    • เพื่อการเฝ้าระวังและการรักษาความปลอดภัยของบริษัท รวมถึงบุคคลที่เข้ามาในพื้นที่ของบริษัท
    • เพื่อการปกป้องทรัพย์สินของบริษัทรวมถึงบุคคลที่เข้ามาในพื้นที่ จากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
    • เพื่อใช้ในกระบวนการทางวินัยหรือการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบภายในของบริษัท
    • เพื่อใช้ในกระบวนการระงับข้อพิพาท หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ตลอดจนการฟ้องร้องทางแพ่งและอาญา
  • 3.3 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
    • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสอบสวนหรือการดำเนินคดี
    • เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานอัยการ หรือศาล เป็นต้น ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการยับยั้ง ป้องกัน สืบค้นเหตุอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย และดำเนินคดีทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิด

ข้อ 4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลที่ได้จากกล้องวงจรปิดไว้เป็นความลับ และจะไม่เปิดเผยแก่บุคคลใด เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีความจำเป็นเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยตามที่ได้ระบุในประกาศฉบับนี้ โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลในกล้องวงจรปิดให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคล รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะตามที่ปรากฏดังต่อไปนี้

  • 4.1 หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนในการบังคับใช้กฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดีความต่างๆ
  • 4.2 ผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ให้เช่าอาคารหรือสถานที่ เพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ รวมทั้งทรัพย์สินของท่านหรือบุคคลอื่น
  • 4.3 ผู้มีส่วนได้เสียจากเหตุการณ์หรือกิจกรรมต้องสงสัยที่เกิดขึ้นในบริเวณหรือพื้นที่ของบริษัท ทั้งนี้ ผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามระเบียบของบริษัทในการขอข้อมูลจากกล้องวงจรปิด

บริษัทจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลภายนอกอื่นเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และบริษัทจะดำเนินการให้เป็นที่มั่นใจว่าบุคคลภายนอกทุกรายที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลให้นั้นจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้อย่างปลอดภัยและจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เท่านั้น


ข้อ 5. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

อุปกรณ์กล้องวงจรปิด (CCTV) ของบริษัทเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง และจะจับภาพโดยไม่มีการบันทึกเสียง ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่อุปกรณ์ของบริษัทสามารถบันทึกข้อมูลได้ ภาพจะถูกลบจากระบบโดยอัตโนมัติ เว้นแต่มีการร้องขอให้ตรวจสอบ บริษัทจะทำการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นตามสมควรเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัทเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ กรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี) ซึ่งบริษัทจะจัดให้มีกระบวนการที่เหมาะสมเพื่อลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น


ข้อ 6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทได้มีการเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่บันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม และจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • 6.1 กำหนดสิทธิในการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการแสดงหรือยืนยันตัวบุคคล ผู้เข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ตามนโยบายสารสนเทศของบริษัทอย่างเคร่งครัด
  • 6.2 ในการส่งหรือการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ (ถ้ามี) รวมถึงการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บบนฐานข้อมูลในระบบอื่นใด ซึ่งผู้ให้บริการรับโอนข้อมูลหรือบริการเก็บรักษาข้อมูลอยู่ต่างประเทศ ประเทศปลายทางที่เก็บรักษาข้อมูลต้องมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับหรือดีกว่ามาตรการตามนโยบายนี้
  • 6.3 ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบริษัท จนเป็นเหตุให้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลสู่สาธารณะ บริษัทจะดำเนินการแจ้งเจ้าของข้อมูลให้ทราบโดยเร็ว รวมทั้งแจ้งแผนเยียวยาความเสียหายจากการละเมิดหรือการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลสู่สาธารณะ (ในกรณีที่เกิดจากความบกพร่องของบริษัท)

ข้อ 7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถขอใช้สิทธิผ่าน “แบบคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject Right Request Form)” โดยท่านสามารถติดต่อบริษัทตามข้อมูลติดต่อข้อ 7

  • 7.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่เจ้าของข้อมูลให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่โดยบริษัทจะแจ้งถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอมดังกล่าวให้ท่านทราบ
  • การถอนความยินยอมจะไม่กระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของท่านตามความยินยอมของท่านก่อนที่จะขอถอนความยินยอม หรือการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย และการโอนข้อมูลที่ละเอียดไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) ที่บริษัทมีสิทธิดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน

  • 7.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทรวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม ทั้งนี้ บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอ หากการเข้าถึงหรือขอรับสำเนานั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือกรณีที่ท่านไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
  • 7.3 สิทธิขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
  • 7.4 สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถิติ ทั้งนี้บริษัทสามารถปฏิเสธคำร้องขอได้หากเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือกรณีที่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายสำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อก่อตั้ง การใช้สิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย
  • 7.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าวหากข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านร้องขอให้ลบนั้นจำเป็นต้องเก็บรวบรวมตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินการของบริษัท
  • 7.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัท อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทไม่มีความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • 7.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องหากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  • 7.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่บริษัทมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย

บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการตามการร้องขอของท่านภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผลและไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ ในการใช้สิทธิของท่านตามที่ระบุไว้ในข้อ 7.1 ถึง 7.8 ข้างต้น เป็นสิทธิที่มีข้อจำกัดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิของท่านได้หากบริษัทมีเหตุโดยชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ ย่อมจำกัดไว้แต่เพียงแต่การให้บริการพื้นฐานที่ไม่ทำให้บริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเกิดค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น หากการใช้สิทธิของท่านได้ก่อให้เกิดค่าธรรมเนียมและ/หรือค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน ท่านจะต้องรับผิดชดใช้คืนเงินค่าดำเนินการต่าง ๆ ที่มีการขอใช้สิทธิเช่นว่านั้นแก่บริษัท


ข้อ 8. วิธีการติดต่อ

หากท่านมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือหากท่านมีข้อสงสัยหรือเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ที่

  • 8.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
    ชื่อ: บริษัท เอสเทติก อานเซอร์ จำกัด
    สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 126/19-20 ซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ
    เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
    ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์ 023812651
    e-mail address: dpo@slc-group.com
  • 8.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
    ชื่อ: พิมลภา อัครนิธิพลชัย
    สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 126/19-20 ซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ
    เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
    ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์ 023812651
    e-mail address: dpo@slc-group.com

ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะขอใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้นตามข้อ 7 สามารถติดต่อบริษัทตามรายละเอียดการติดต่อข้างต้น หรือกรอก “แบบคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject Right Request Form)”


ข้อ 9. การปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

บริษัทอาจแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้วยช่องทางที่เหมาะสม เพื่อความมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ทั้งนี้ บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากบริษัท หรือเว็บไซต์ของบริษัท


ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566

ปรับปรุงล่าสุด: วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567