ปากซีดปากคล้ำเป็นปัญหาที่ทำเอาโซแซดนะ แม้จะทาลิปสติกช่วยแล้วแต่ตอนกินข้าวเท่านั้นแหละ สีปากหลุดไปพร้อมช้อนพร้อมหลอดดูดน้ำเลยค้า กลายเป็นทุกครั้งหลังกินข้าวต้องเติมลิปอยู่ตลอด! มันก็เป็นเรื่องที่ทำให้หมดความมั่นใจอยู่นะ สิ่งเดียวที่จะช่วยกู้ปากซีดปากคล้ำได้แบบถาวรก็คือการฝังสีปาก หรือการสักปาก 

ซึ่งการสักปากหรือฝังสีปากจะช่วยทำให้สีปากเราดีขึ้นแบบ 100% ปากอมชมพูดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทาลิปเลยก็ยังได้ ตื่นมาหน้าสดก็ยังสวย ใช้ชีวิตง่ายขึ้นด้วย อะๆ อย่าเพิ่งใจร้อนก่อนจะบุคคิวไปสักปาก แอดขอแนะนำข้อควรรู้ก่อนสักปากให้ได้ทราบกันก่อน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมไปสักปากแบบเลิศๆ 

15 ข้อควรรู้ก่อนสักปาก 

1. บำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นก่อนเข้ามาสักปากทุกวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพราะถ้าปากแห้งมากจะทำให้สีติดยาก 

2. รับประทานอาหารให้เรียบร้อยก่อนรับบริการสักปาก 

3. การสักปากไม่เจ็บ ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยไม่ได้ลงถึงชั้นผิวลึก และก่อนการสักปากจะมีการทายาชาให้อยู่แล้ว 

4. หลักสักปากอาจจะบวมได้ 1-2 วัน แต่การสักปาก Claire จะไม่มีอาการบวมเลย เพราะใช้หัวเข็มที่เหมาะสมกับบริเวณริมฝีปาก 

5. หลังสักปากครั้งแรกทันที สีที่ได้จะเข้มมากเหมือนทาลิปสติกสีสด แต่หลังลอกจะได้สีปากเหมือนการทาลิปบาล์ม ช่วยให้สีปากอ่อนขึ้นหนึ่งสเต็ป หรือเรียกว่าสีติดประมาณ 20-30% ต้องลงสีซ้ำในครั้งที่ 2 และ 3 เพื่อให้สีติดเพิ่มขึ้นเป็น 80-100%

6. หลังสักปากสีที่ปากจะเริ่มหลุดลอกออก โดยใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน 

7. สักปาก Claire มี 2 เทคนิค

• Contour Lips ฝังสีปากแบบคอนทัวร์ เป็นการลงสีเพื่อปรับสีริมฝีปากให้ดูเป็นธรรมชาติ

• ​Russian Volume Lips การฝังสีปากกึ่งการสัก โดยสีที่ลงจะมีลักษณะเนื้อด้าน (Matt) เป็นการปรับเม็ดสีเดิมที่ค่อนข้างคล้ำมากหรือแก้ไขสีปากจากที่เคยทำมาก่อนให้สีริมฝีปากมีความอ่อนลงจากเดิม เน้นการเติมสีให้ชัดเจนขึ้น และในกรณีที่ต้องการสร้างขอบปากให้ชัดได้รูป

​

8. หลังสักปากห้ามถู แกะ และเกาบริเวณที่ริมฝีปาก เพราะจะทำให้สีปากไม่สม่ำเสมอและเกิดการอักเสบได้

9. หลังสักปากเลี่ยงการสัมผัสน้ำ 2-3 วัน ตอนกินน้ำแนะนำให้ใช้หลอด และตอนแปรงฟันพยายามโดนน้ำให้น้อยที่สุด 

10. ทาบำรุงด้วยลิปมันหรือลิปบาล์มบ่อยๆ เพื่อเติมความชุ่มชื้น

11. หลังการสักปากมีโอกาสที่สีปากจะเข้มขึ้น เนื่องจากผิวเกิดการอักเสบจนไปกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีเมลานินให้มีการเพิ่มจำนวน จนเกิดเป็นรอยคล้ำสีปากเข้มหลังการอักเสบ (Post inflammatory hyperpigmentation)​ แต่ความเข้มนี้จะหายไปได้เอง เมื่อเซลล์ผิวมีความแข็งแรงขึ้น 

12. ผิวรอบริมฝีปากอาจจะแดงเล็กน้อยประมาณ 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความบอบบางและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

13. งดทาลิปสติกจนกว่าสีปากจะลอกออกหมด

14. คนที่ฉีดปาก (ฉีดฟิลเลอร์ปาก) สามารถสักปากได้ แต่ควรรออย่างน้อย 2 เดือน ไม่สามารถสักปากได้ทันทีหลังฉีดปากมา เพราะริมฝีปากจะอยู่ในช่วงเซ็นซิทีฟ อาจทำให้ริมฝีปากเกิดการอักเสบได้ แอดแนะนำให้สักปากก่อนแล้วค่อยไปฉีดปาก เพราะรอแค่สีปากลอกออกหมดก็สามารถทำได้เลย

15. เลือกร้านที่ได้คุณภาพ น่าเชื่อถือ มีความสะอาด ปลอดภัย มีระบบฆ่าเชื้อกับอุปกรณ์ในการสัก

หลังจากนี้ก็พร้อมจะบุคคิวสักปากได้อย่างมั่นใจแล้ว เพราะเราได้ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนการสักปากมาแบบครบถ้วน แค่นี้ก็สามารถสักปากได้แบบชิลๆ แล้ว แต่นอกจากนี้แคลร์ขอแจกทริคสำหรับการเลือกสีปากให้เข้ากับสีผิว 

• ผิวขาว  สำหรับคนที่มีผิวขาว สามารถเลือกสีปากได้หลายสี แต่ถ้าให้แนะนำก็เป็นสีโทนชมพู โทนแดงอมส้ม ไม่ควรเลือกสีที่อ่อนเกินไป เพราะอาจทำให้ดูหน้าซีดไม่สดใสได้

• ผิวขาวเหลือง สำหรับคนที่มีผิวขาวเหลือง สีที่เหมาะเลยก็ต้องเป็นสีโทนส้ม ส้มอิฐ ส้มอมชมพู น้ำตาลตุ๋น จะช่วยขับให้ผิวดูสว่างและสดใสขึ้น หากชอบสีโทนชมพูก็แนะนำเป็นชมพูเข้มยังได้ 

• ผิวสองสี สำหรับคนที่มีผิวสองสี จริงๆ สีผิวนี้เป็นสีผิวที่ได้หลายสีเหมือนกัน เพราะการสีปากจะช่วยขับผิวได้ดี โดยสีที่ว่าก็จะเป็นสีโทนนู้ด โทนนู้ดเข้มๆ โทนน้ำตาลตุ๋น และสีโทนส้มอมแดง หรือโทนสีแดงเข้มไปเลย 

• ผิวเข้ม สำหรับคนที่มีผิวเข้มจะเหมาะกับสีปากโทนน้ำตาล โทนสีนู้ด หรือเป็นสีโทนแดงก่ำ สีเหล่านี้จะช่วยขับผิวให้ดูสดใสขึ้น 

เป็นไงบ้างคะ มีโทนสีที่ตรงใจหรือตรงกับสีผิวกันบ้างไหม นอกจากทริคการเลือกสีปากแล้ว เราไม่จบเพียงเท่านี้ แอดก็จะเอาโทนสีของการสักปาก Claire มาให้ชมกัน บอกเลยถ้าได้สักปาก Claire แล้ว สีปากสวยเป็นธรรมชาติทุกเคส ถ้าไม่เชื่อชมรีวิวสักปาก Claire กันต่อได้เลย